กองรีทอัลไล โชว์ผลงานไตรมาส 2/65 ปิดรายได้ 386 ล้านบาท โต 29.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จ่ายปันผลสูงคิดเป็นอัตรา 9% ต่อปี แซงกระแสเงินเฟ้อ

กองรีทอัลไล โชว์ผลงานไตรมาส 2/2565 ปิดรายได้รวม 386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หลังเข้าลงทุนศูนย์การค้าเดอะ คริสตัล ชัยพฤกษ์ และโครงการ เดอะ ไพร์ม หัวลำโพง หนุนสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 13,536.2 ล้านบาท มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิ 160,282.6 ตารางเมตร สวนกระแสชะลอการฟื้นตัวภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเงินเฟ้อ และต้นทุนจากราคาพลังงานพุ่งที่สูงขึ้น จ่ายปันผลในอัตรา 0.1650 บาทต่อหน่วย

นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.อี.รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองรีทอัลไล เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 กองรีทมีรายได้รวม 386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 4% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 88.2 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการศูนย์การค้าเดอะ คริสตัล ชัยพฤกษ์ และโครงการเดอะไพร์ม หัวลำโพง ส่งผลให้กองรีทมีรายได้ค่าเช่าและค่าบริการจำนวน 351.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1% จากช่วงเดียวกันของปี 2564

ปัจจุบันทั้ง 13 โครงการภายใต้กองรีทอัลไล มีอัตราการเช่าเฉลี่ยสูงอยู่ที่ 93.2% นำโดย ศูนย์การค้าซีดีซี คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ 99.7% เดอะคริสตัล (เอกมัย-รามอินทรา) 98.2% เดอะคริสตัล เอสบี (ราชพฤกษ์) และอมอรินี่ (รามอินทรา) 95.7% ส่วนศูนย์อื่นๆ ได้แก่ เพลินนารี่ (วัชรพล), สัมมากร (รามคำแหง-รังสิต-ราชพฤกษ์), แอมพาร์ค (จุฬา), เดอะ ซีน (ทาวน์อินทาวน์), เดอะคริสตัล (ชัยพฤกษ์) และกาดฝรั่ง-หางดง เชียงใหม่ มีอัตราการเช่าสูงอยู่ในช่วง 85-93% ตามลำดับ โดยในไตรมาสสี่นี้ จะมีร้านดังๆ เตรียมเปิดอีกหลายร้านในศูนย์ต่างๆ ภายใต้กองรีทอัลไล

นอกจากนี้ ช่วงไตรมาส 2/2565 กองรีทมีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 159.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 4.5% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 41.7% จากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น ส่งผลให้กองรีทมีรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ รวมถึงรายได้ค่าเช่าพื้นที่ส่วนกลางของโครงการศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 2/2565 กองรีทจ่ายประโยชน์ตอบแทนหรือเงินปันผลจำนวน 0.1650 บาทต่อหน่วย มูลค่ารวม 144.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 9.0% (ณ ราคาปิดตลาด วันที่ 10/08/2565)

“ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ภาคการค้าและภาคบริการเริ่มฟื้นตัว รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น แต่ปัญหาเงินเฟ้อและการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานที่ส่งผลต่อปัญหาค่าครองชีพ และต้นทุนทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ จึงทำให้การฟื้นตัวอย่างภาคธุรกิจยังเป็นไปอย่างจำกัด นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นปัจจัยที่มาซ้ำเติมปัญหาที่มีอยู่แล้ว แต่สาเหตุต้นตอของปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลกในรอบนี้ คือ ผลพวงจากการรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ของประเทศอุตสาหกรรมหลัก สำหรับกองรีทอัลไล เรามีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนที่สูงสม่ำเสมอ โดยเป็นผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่กำลังขยับขึ้น ในไตรมาสนี้เราสามารถจ่ายผลเงินปันผลได้กว่า 9%”