รู้จัก ALLY REIT กองทรัสต์คอมมิวนิตีมอลล์ชื่อดัง ที่กำลัง Diversify

20210727-123200-1.jpg

ALLY REIT x ลงทุนแมน

วิกฤติโควิด 19 กลายเป็นฝันร้ายของธุรกิจวงกว้าง
หนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะนำพาธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ก็คือ กลยุทธ์ธุรกิจ

รู้หรือไม่ว่า กลยุทธ์ Synergy Made Growth
กำลังสร้างการเติบโตของพอร์ตลงทุนกลุ่มคอมมิวนิตีมอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร เจ้าของห้าง และผู้พัฒนาโครงการ เพื่อขยายพอร์ตลงทุน จนมีมูลค่าทรัพย์สิน 12,700 ล้านบาท มีพื้นที่เช่ากว่า 145,000 ตารางเมตร ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) เฉลี่ย 94.4% เป็นผลมาจากการดูแลพันธมิตรผู้เช่าเป็นอย่างดี

วิกฤติครั้งนี้ ยังกลายเป็นโอกาสขยายพอร์ตลงทุนอย่างต่อเนื่องแบบ Diversify เพื่อกระจายการลงทุนไปสู่ประเภทอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ อีกด้วย

เจ้าของพอร์ตการลงทุน ที่ว่านี้.. ก็คือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล หรือ ALLY REIT แล้วความน่าสนใจของ ALLY REIT เป็นอย่างไร ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

ALLY REIT ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 2013 เป็นกองทรัสต์ที่เน้นลงทุนในกลุ่มคอมมิวนิตีมอลล์ ด้วยวิธี Sponsor คือการลงทุนในทรัพย์สินของตนเอง เช่น Crystal Design Center (CDC) และ เดอะ คริสตัล (เอกมัย-รามอินทรา)

จากนั้น พอร์ตลงทุนของ ALLY REIT ก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยวิธี Independent คือการลงทุนในทรัพย์สินของผู้อื่น เช่น Plearnary, Amorini, The Scene, I'm Park และโครงการของสัมมากร

จุดนี้เอง ทำให้ปัจจุบัน ALLY REIT กลายเป็นกองทรัสต์แบบ Hybrid ที่สามารถสร้างการเติบโตของพอร์ตลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง และไม่ถูกปิดกั้นจากประเภทเจ้าของทรัพย์สินลงทุน

ไม่เพียงแต่จะมี วิธีการขยายพอร์ตลงทุน ที่น่าสนใจ แต่คุณภาพของทรัพย์สินลงทุน ยังเรียกได้ว่าเป็น คอมมิวนิตีมอลล์ที่ทุกคนรู้จักกันดีอีกด้วย

คอมมิวนิตีมอลล์ในพอร์ตลงทุนของ ALLY REIT มักจะอยู่ใน ทำเลที่ดี ประชากรเยอะ และมีกำลังซื้อสูง ซึ่งถือเป็น "หัวใจสำคัญ" ของการทำธุรกิจคอมมิวนิตีมอลล์

ด้วยเหตุนี้ ผลดำเนินงานของ ALLY REIT ปี 2021 (ไตรมาส 1) แม้จะมีอัตราค่าเช่า 518 บาทต่อตารางเมตร ลดลงเล็กน้อย แต่ยังมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) เฉลี่ย 94.4% และอัตราการต่อสัญญา (Retention Rate) เฉลี่ย 92.1%

ที่น่าสนใจคือ การบริหารงานแบบ Active Growth REIT ที่มีทีมบริหารมืออาชีพ และระบบเทคโนโลยี จากการสนับสนุนของ เคอี กรุ๊ป ซึ่งเป็น Anchor Investor หรือนักลงทุนหลักของ ALLY REIT

เคอี กรุ๊ป มีประสบการณ์ในธุรกิจศูนย์การค้า 15 ปี สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพในการบริหารงานคอมมิวนิตีมอลล์ สร้างโอกาสเพิ่มรายได้ และลดต้นทุนของโครงการใหม่ ๆ ได้

นอกจากนี้ เคอี กรุ๊ป ยังร่วมมือกับ Alibaba Cloud สร้าง SKY OS แพลตฟอร์มให้บริการลูกค้า และผู้เช่าพื้นที่ของ ALLY REIT สะท้อนถึงการให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยี อีกด้วย

แล้ว ALLY REIT จะสร้างการเติบโตต่อไปในอนาคต อย่างไร ?

ALLY REIT ตั้งเป้าขยายพอร์ตลงทุน 20-30% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้พอร์ตลงทุนมีมูลค่าทรัพย์สิน 30,000 ล้านบาท อุดมไปด้วยทรัพย์สินลงทุนที่มีแนวโน้มการเติบโต มีศักยภาพด้านการเพิ่มรายได้ และลดค่าใช้จ่าย เพื่อที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้

ไม่เพียงจุดเด่นของการเป็นกองทรัสต์แบบ Hybrid จะช่วยให้การลงทุนไม่ถูกปิดกั้นจาก "ประเภทเจ้าของทรัพย์สินลงทุน" แต่นโยบายการกระจายการลงทุนแบบ Diversify ยังช่วยเปิดกว้างในแง่ของ "ประเภททรัพย์สินลงทุน"

ALLY REIT จึงวางเป้าหมายสัดส่วนทรัพย์สินลงทุน ศูนย์การค้า:ประเภทอื่น = 75:25 เป็นการลงทุนแบบ Live-Work-Play Real Estate ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งในรูปแบบ คอมมิวนิตีมอลล์, ออฟฟิศ และพื้นที่เก็บสินค้า E-Commerce

ซึ่งในปี 2021 นี้ จะมีการลงทุนศูนย์การค้า 3 แห่ง นั่นคือ
- เดอะ คริสตัล ชัยพฤกษ์ ด้วยวิธี Sponsor
- กาดฝรั่ง วิลเลจ ด้วยวิธี Independent
รวมทั้งโครงการ Mixed-Use ในอนาคต ทำเลหัวลำโพง

นอกจากนี้ ALLY REIT ยังมีกลยุทธ์ Synergy Made Growth ช่วยรักษาอัตราการเช่า เพื่อสร้างความมั่นคงด้านผลประกอบการธุรกิจคอมมิวนิตีมอลล์ อีกด้วย

มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า ALLY REIT เป็นหนึ่งกองทรัสต์ที่น่าสนใจ นอกจากจะเป็นพอร์ตลงทุนคอมมิวนิตีมอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแล้ว ยังมุ่งมั่นสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านนโยบายการลงทุนแบบ Hybrid การบริหารงานแบบ Active Growth REIT และการกระจายพอร์ตการลงทุนแบบ Diversify นั่นเอง..

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน

ที่มา: ลงทุนแมน